353 จำนวนผู้เข้าชม |
“ผู้นำ” ที่มีศักยภาพ
การดำเนินการทุกอย่างนั้น ปัจจัยที่สำคัญยิ่งประการหนึ่ง ก็คือ “ภาวะผู้นำ” ของบุคคลที่ได้พยายามเน้นย้ำมาโดยตลอดในการยกระดับมาตรฐานการศึกษา ด้วยเป้าหมายให้บุคลากรในวัยทำงานได้ถึงพร้อมของความเป็นผู้นำที่มีศักยภาพสูงสุด
ความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ คือ ต้นเหตุพื้นฐานของปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันของหลายวงการในประเทศไทย ระบบการศึกษาที่นักเรียน/นักศึกษาได้รับนั้น เป็นเพียงการฝึกฝนอบรมให้เป็นคู่แข่งเพื่อแสวงหาความสำเร็จของตนเท่านั้น แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบกลุ่มเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมที่จำเป็น ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการในระดับโลก ยิ่งโลกเราพัฒนาก้าวล้ำไปเพียงเท่าใด การปรับตนในสังคมให้ทันตามยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น
ศาสตาราจารย์ ดร. นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ ปัจจุบันในฐานะอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกริก นายกสภาสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และนายกสภามหาวิทยาลัยนครพนม ได้ให้แนวคิดว่า ผู้นำที่ให้ความเอาใจใส่อย่างมีประสิทธิภาพ มีลักษณะเฉพาะ คือ มีความตระหนักรู้ในตนเองเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการบริการและมักจะกลายเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง(change agents) ในองค์กร ชุมชน ประเทศ และอาจไปถึงผู้นำการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ผู้นำดังกล่าวมักมี ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เป็นนักคิดที่มีวิจารณญาณ
และสร้างสรรค์ รวมทั้งเป็นผู้ฟังที่ตั้งอกตั้งใจฟัง ซึ่ง
ผู้นำเหล่านี้ จะสามารถสื่อสารกับบุคคลอื่นเพื่อผล
ประโยชน์อันเป็นส่วนรวม
นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์ ได้ฝึกฝนภาวะความเป็นผู้นำของตนเอง จนทำให้หลายคนได้เข้าใจคำถามที่คนมักพูดกันเสมอว่า “ทำไมคำกล่าวของท่านจึงยังคงมีพลังและทำให้นักศึกษาและประชาชนยังให้ความเคารพรักอยู่เสมอ” แม้ว่าท่านได้เข้าสู่วัยสูงอายุซึ่งประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วในทุกวงการที่วิถีชีวิตได้เป็นไป คุณหมอเป็นผู้ที่ความอ่อนน้อมถ่อมตนพร้อมที่จะรับฟังและพยายามเรียนรู้จากผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีความจำเป็นและอยู่ในภาวะที่เหมาะสม มักจะให้โอกาสแก่ผู้นำรุ่นใหม่ๆ ได้ฝึกปฏิบัติให้พร้อมที่จะทำให้เกิดภาวะผู้นำในตนเอง เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมายร่วมกันเพื่อประโยชน์แก่สังคมไทยในวันอนาคต
คุณหมอกระแสมักจะกล่าวเตือนเสมอว่า ภาวะความเป็นผู้นำ เป็นตัวกำหนดผลลัพธ์อันเกิดจากพฤติกรรมทั้งปวงของมนุษย์ โดยเฉพาะผลลัพธ์จากการพึ่งพาพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกัน
ระหว่างการศึกษาในระบบกับบรรยากาศทางสังคมและการเมืองในองค์กรต่างๆ เราต้องจำไว้ว่า คำว่า องค์กร อาจหมายถึง กลุ่มที่ประกอบด้วยบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปมาร่วมดำเนินงานเพื่อความสำเร็จในบางอย่าง และสังคมไทยก็นับได้ว่าเป็นองค์กรๆหนึ่งเช่นกัน
เป็นที่ยอมรับว่า ในศตวรรษที่ผ่านๆมา โลกมีความก้าวหน้าอย่างมากในการพัฒนาและแข่งขันกันในมิติของ ความสำเร็จของมนุษย์ เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ระบบการศึกษาของเรา ยังยึดติดกระบวนทัศน์หรือรูปแบบต่างๆ ในศตวรรษที่ 19 ที่เริ่มคำนึงถึงผลประโยชน์จากเทคโนโลยี ระบบสังคมและการเมืองในยุคนั้น แต่โลกในศตวรรษที่ 21 นี้แตกต่างจากศตวรรษที่ 19 ภาพที่เราเห็นสังคมโลกในวันปัจจุบัน ไม่ได้ใช้เทคโนโลยี ระบบสังคมและการเมืองส่วนใหญ่ของศตวรรษที่ผ่านๆมาอีกต่อไปแล้ว กลายเป็นสังคมโลกยุคใหม่ที่ต่างจากสังคมโลกยุคเดิมอย่างสิ้นเชิง
คำว่า “การปฏิรูป” หมายถึง การทำให้กระบวนทัศน์ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกระบวนการทัศน์ทางด้านการศึกษา ในปัจจุบัน เราต้องการที่จะปฏิรูปกระบวนทัศน์ทางการศึกษาอย่างรวดเร็ว ให้พร้อมรองรับกับความเป็นจริงและความเป็นโลกในยุค IT และ ยุค Digital อย่างสมบูรณ์ที่สุด
ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงโดยการปฏิรูปนั้น เป็นไปเพื่อการก้าวต่อไป แต่เราจะต้องได้ผลลัพธ์ทางการศึกษาจากประโยชน์ของกระบวนทัศน์ ทางด้านสังคม-การเมือง และทางสังคม-เศรษฐกิจ ที่ทำให้การพัฒนาความสำเร็จของมนุษย์มีความก้าวหน้า มิใช่กระบวนทัศน์ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการพัฒนาในด้านต่างๆ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน คุณหมอกระแสมีความกังวลว่า การขาดวัฒนธรรมการเป็นผู้นำ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมในประเทศ กำลังก่อให้เกิดความไม่สมดุลในสังคม มีส่วนทำให้เกิดความเสมอภาคในการเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาและความก้าวหน้าของมนุษยชาติ และยังส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการแบ่งปันผลประโยชน์จากการเติบโตอย่างมากของผลิตภัณฑ์มวล
มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยตลอดช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
พ.ศ. 2516 คุณหมอกระแสได้รับรางวัล “รามอน แมกไซไซ” สาขาผู้นำชุมชน และนับ
ตั้งแต่ได้รับรางวัลเกียรติยศนี้ ก็ไม่เคยหยุดทำงาน แต่ยังคงทุ่มเทอุทิศตนทำงานเพื่อสังคมไทยอย่างจริงจังอย่างต่อเนื่อง การเป็นผู้ได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาผู้นำชุมชนในปี 2516 เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ตัวที่สามารถบ่งชี้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการอุทิศตนเพื่อสังคมที่เป็นอยู่จริงในแต่ละยุคที่เปลี่ยนแปลงเรื่อยมา ไม่ว่าสังคมจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นใดก็ตาม ความเป็นผู้นำของคุณหมอกระแส ถือเป็นรางวัลด้านทุนทางสังคมที่เหมาะสมยิ่งกับความวิริยะอุตสาหะและความตั้งใจจริงในการทำงานมาตลอด มิใช่รางวัลด้านการเงินแต่อย่างใด
พ.ศ. 2518 คุณหมอกระแสตระหนักในความสำคัญของการศึกษาเพื่อยกระดับการพัฒนาความสำเร็จของคนเรา ซึ่งจะช่วยยกระดับและพัฒนาคุณภาพความสำเร็จของชีวิตได้อย่างยั่งยืน การได้พูดถึงบ้านเกิดในชนบทที่เมืองพลกับอำเภอใกล้เคียง ที่จังหวัดขอนแก่น ว่าเป็นท้องถิ่นที่ยากจนและด้อยโอกาสโอกาสในการเรียนต่อระดับอุดมศึกษาเพราะมีข้อจำกัดอย่างมาก ทำให้โอกาสที่จะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาที่อำเภอพลในเวลานั้นไม่มีเลย โอกาสได้เรียนต่อในระดับ
อุดมศึกษาที่เป็นไปได้และใกล้ที่สุดอยู่ในอำเภอเมืองขอนแก่น ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองพลไปทางทิศเหนือประมาณ 80 กิโลเมตร ด้วยความยากจนบวกกับพื้นที่ห่างไกล จึงทำให้นักเรียนจำนวนมากในชนบทเหล่านี้ไม่สามารถศึกษาต่อในระดับที่สูงกว่าชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นได้เลย
ดังนั้น คุณหมอกระแสจึงได้ก่อตั้ง “วิทยาลัยเทคโนโลยีพลพณิชยการ” ในขึ้นที่อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ด้วยแรงบันดาลใจที่แน่วแน่ เพื่อให้โอกาสแก่นักเรียนในท้องถิ่นเมืองพล ได้เข้าศึกษาระดับอาชีวศึกษาที่อยู่ใกล้บ้านได้เลย จะเป็นจุดเชื่อมต่อจากระดับมัธยมศึกษาไปสู่ในระดับอุดมศึกษา ทำให้ผู้คนได้เข้าใจและเห็นภาพความเป็นจริง จากแนวคิดของคุณหมอที่ว่า “การศึกษาของชาวชนบท คือ อนาคตของประเทศไทย”
ด้วยเหตุนี้คือ ในแวดวงการศึกษาจนทุกวันนี้ คุณหมอกระแสยังคงทำหน้าที่ให้การศึกษา แบบประยุกต์ให้ทันกับสถานการณ์โลก เป็น ภาวะผู้นำ ที่เป็นแบบอย่างให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน ถือเป็นตัวอย่างของการพัฒนาตนเอง ตามหลักการที่ยึดมั่นและสั่งสอนเสมอมาว่า
“ตัวอย่างที่ดี ดีกว่าคำสอน”
**********************